What is a Manufacturing Execution System (MES)?

Manufacturing Execution System (MES) คืออะไร?

Manufacturing Execution System (MES) คืออะไร?

ปัจจุบันจะเห็นได้ว่าการผลิตสมัยใหม่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบอย่างรวดเร็ว มีความซับซ้อนของกระบวนการผลิตมากขึ้น รวมทั้งความกดดันในการขับเคลื่อนผลผลิต และความสามารถในการทำกำไร โดยทั่วไปแล้วผู้ผลิตส่วนใหญ่จะต้องลงทุนในระดับหนึ่ง เพื่อสร้างการทำงานในกระบวนการผลิตให้เป็นไปแบบอัตโนมัติเพื่อทำงานกระบวนการมีประสิทธิภาพและไหลลื่นได้ ผู้ผลิตทุกรายมีการใช้ MES แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับระดับและความซับซ้อนของระบบ มาดูกันว่า MES คืออะไร และระบบในปัจจุบันสามารถช่วยให้ผู้ผลิตเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตที่ดียิ่งขึ้นได้อย่างไร

 

ระบบการดำเนินการผลิต (MES) คืออะไร?

ระบบการดำเนินการผลิต หรือ Manufacturing Execution System (MES) เป็นโซลูชันซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อรักษาคุณภาพและประสิทธิภาพตลอดกระบวนการผลิต การดำเนินการในการผลิตเกิดขึ้นทั้งในระดับโรงงานและระดับการผลิต ระบบเหล่านี้เชื่อมต่อโรงงานหลายแห่ง รวมถึงข้อมูลการผลิตของไซต์งานและผู้ขาย รวมเข้ากับอุปกรณ์ ตัวควบคุม และแอปพลิเคชันซอฟต์แวร์ระดับองค์กรอื่นๆ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถมองเห็นภาพรวมได้ชัดเจน สร้างประสิทธิภาพ และการควบคุมในการดำเนินการด้านการผลิตทั้งหมด พูดง่ายๆ ก็คือ ความสามารถของซอฟต์แวร์ MES นั้นหมุนรอบองค์ประกอบพื้นฐาน 3 ประการของการผลิต นั่นคือ: ใบสั่งผลิต แรงงาน และอุปกรณ์

 

ระบบดำเนินการผลิตมีวิวัฒนาการอย่างไร?

ในปี 1997 Manufacturing Enterprise Solutions Association (MESA) International ได้กำหนดขอบเขตของ MES ผ่านแบบจำลอง MESA-11 ในฐานะองค์กรที่พยายามปรับปรุงการจัดการการดำเนินงานผ่านแอปพลิเคชันไอทีที่มีประสิทธิภาพ โมเดลแรกสุดของ MESA ระบุ 11 หน้าที่หลักของ MES ซึ่งรวมถึง:

  1. การจัดการการดำเนินงาน

  2. จัดส่งหน่วยผลิต

  3. การติดตามสินค้าและลำดับวงศ์ตระกูล

  4. การจัดการแรงงาน

  5. การจัดการคุณภาพ

  6. การจัดการบำรุงรักษา

  7. การรวบรวมและการได้มาซึ่งข้อมูล

  8. การจัดการกระบวนการ

  9. การวิเคราะห์ประสิทธิภาพ

  10. การควบคุมเอกสาร

  11. การจัดสรรทรัพยากรและสถานะ

 

ในปี 2004 ได้มีการขยายโมเดล MESA เพื่อรวมการดำเนินธุรกิจ การอัปเดตนี้เรียกว่า Collaborative MES หรือ C-MES ซึ่งได้รวมการดำเนินงานหลักกับการดำเนินธุรกิจเพื่อพิจารณาการแข่งขัน การเอาท์ซอร์ส และการเพิ่มประสิทธิภาพสินทรัพย์ เป้าหมายคือการเชื่อมโยงโซลูชัน MES กับส่วนงานอื่นๆ เช่น ระบบที่เน้นอุปทาน ระบบที่เน้นลูกค้า และระบบที่เน้นประสิทธิภาพ เช่น ERP

 

อุตสาหกรรมที่ใช้ประโยชน์จาก MES

MES ถูกใช้ในหลายอุตสาหกรรม ตัวอย่างบางส่วนของอุตสาหกรรมที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ได้แก่:

MES รองรับเวิร์กโฟลว์ในกระบวนการที่ซับซ้อน การรวบรวมข้อมูลแบบอัตโนมัติในปริมาณมากๆ การผลิตตามสั่ง การประกอบแบบไม่ต่อเนื่อง กระบวนการแบทช์ ผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องและอื่นๆ หลักการของ MES เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการผลิตทั้งหมด ตัวอย่างเช่น MES สามารถสร้างการตรวจสอบย้อนกลับของวัสดุ การตรวจสอบย้อนกลับนี้จำเป็นสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อาหารและเครื่องดื่ม อุปกรณ์การแพทย์ การบินและอวกาศ และอื่นๆ เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนด เมื่อจับคู่กับระบบ ERP การผลิต MES ที่มีคุณภาพสามารถเปลี่ยนองค์กรการผลิต และปรับปรุงการดำเนินงานทั่วทั้งธุรกิจ

ประโยชน์ของระบบการดำเนินการผลิตหรือ MES

ทำไม MES ถึงมีประโยชน์มาก? มาดูคำตอบกัน…

1. เพิ่มประสิทธิภาพและลดของเสีย

การมี MES จะช่วยตรวจจับความไม่สอดคล้องกันหรือความไร้ประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต การดำเนินการนี้จะช่วยให้การแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ลดวัสดุสิ้นเปลืองและค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น

 

2.เวลาหยุดทำงานลดลง

โซลูชัน MES สร้างตารางการผลิตที่สมจริง และติดตามวัตถุดิบและสินค้าคงคลังของชิ้นส่วน ซึ่งจะช่วยป้องกันการเปลี่ยนแปลงกำหนดการในขณะที่ชิ้นส่วนต่างๆ อยู่ระหว่างการขนส่ง และช่วยให้คุณจัดตารางการทำงานของพนักงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

3.การแปลงเป็นดิจิทัล และจัดการข้อมูล

การบันทึกข้อมูลสามารถทำได้แบบเรียลไทม์จาก shop floor ด้วย MES ซึ่งทำให้ลดการทำงานบนกระดาษ และการใช้งานในรูปแบบเอ็กเซลหรือสเปรดชีตลง และยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถรวบรวมข้อมูลจำเป็น และมีประโยชน์ต่อการประเมินหรือพยากรณ์ คาดการณ์ต่างๆได้อีกด้วย

 

4.ลดต้นทุน

การมีข้อมูลตามเวลาจริงนั้น ช่วยให้ผู้มีอำนาจตัดสินใจดำเนินการอย่างมีกลยุทธ์มากขึ้น เมื่อคุณสามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลมากขึ้น คุณสามารถประหยัดต้นทุนในการสั่งซื้อ ต้นทุนด้านบุคลากร  และควบคุมสินค้าคงคลัง ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานได้รอบด้านมากขึ้น

 

5.การรวมเข้ากับ ERP

โมเดลของ MESA จะทำให้ความสามารถในการทำงานรวมกันของ MES และ ERP ง่ายขึ้น ซึ่งหมายความว่าไม่จำเป็นต้องใช้ระบบแบบสแตนด์อโลนและแอปพลิเคชั่นการป้องกันการป้อนข้อมูลซ้ำมาเชื่อมต่อ คุณจะสามารถมองเห็นการดำเนินงานได้ดีขึ้น คาดการณ์ได้แม่นยำยิ่งขึ้น เพื่อช่วยในการตัดสินใจ

 

MES และ ERP ทำงานร่วมกันอย่างไร

ระบบ MES และ ERP มีบทบาทที่แตกต่าง แต่เสริมกัน ในด้านการผลิต MES จะเชื่อมโยงพื้นที่ Shop floor การวางแผนและระบบลอจิสติกส์เข้าด้วยกัน ซึ่งจะมีโซลูชัน ERP เป็นพื้นฐาน MES จะทำหน้าที่ประเมินความสามารถของเครื่องจักรและกำกับดูแลระบบ  ส่วนระบบ ERP จะพิจารณาความต้องการและช่วยวางแผนการทำงานรวมทั้งการตั้งเวลาในการทำงาน

โดยพื้นฐานแล้ว ระบบ ERP จะนำทุกแง่มุม ทุกส่วนในองค์กรของคุณมาไว้ในระบบข้อมูลเดียวกัน ซึ่งจะทำให้คุณสามารถดู และบริหารจัดการการดำเนินธุรกิจทั้งหมดแบบเชื่อมต่อกันได้ง่าย การทำงานในแต่ละฟังก์ชั่น การโต้ตอบซึ่งกันและกัน ข้อมูลแบบเรียลไทม์ในแต่ละส่วนเหล่านี้ จะสามารถบอกคุณได้ว่า กระบวนการจัดการและทรัพย์สินของคุณมีสถานะอย่างไร  MES เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ ERP ดังนั้น ในอุตสากหรรมผลิตจำเป็นที่จะต้องมีระบบ ERP ที่เหมาะสม ที่จะสามารถแสดงให้คุณเห็นว่ามีปัญหาด้านการผลิตตรงไหนอยู่บ้าง และ MES จะแสดงให้คุณเห็นถึงวิธีแก้ปัญหา

เมื่อ MES และ ERP ทำงานร่วมกัน คุณจะมีมุมมองที่สมบูรณ์และมีแหล่งข้อมูลที่เป็นศูนย์กลางให้กับองค์กร นี่คือวิธีที่ผู้ผลิตปรับปรุงการดำเนินงานและคงความสามารถในการแข่งขันในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่กำลังเติบโตและเปลี่ยนแปลงไป 

QAD Adaptive ERP ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ผลิตในอุตสาหกรรมต่างๆ มีมุมมองในการมองเห็นที่สมบูรณ์และชวยในการควบคุมกระบวนการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จในทุกด้าน

 

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ QAD Adaptive ERP และวิธีที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับองค์กรการผลิตของคุณ สามารถดูได้ที่ https://www.qad.com/th-TH/ 

 

ผู้เขียน

Caleb Finch

Caleb เป็นทีมสื่อสารการตลาดของ QAD และมีประสบการณ์ด้านซอฟต์แวร์ทั้งด้านการผลิตและระดับองค์กร เขาเป็นผู้ตามติดเทคโนโลยีใหม่ๆ และที่เกิดขึ้นใหม่อยู่เสมอ เขาดูแลเว็บไซต์ QAD, QAD Blog และโปรแกรมโซเชียลมีเดีย 

 

ที่มา

https://www.qad.com/blog/2022/08/what-is-mes-manufacturing-execution-systems


ติดต่อ QAD ประเทศไทย โทร 02-202 9363

หรือกรอกข้อมูลเพื่อให้เราติดต่อกลับ : กรอกข้อมูล